โน๊ตบุ๊คเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากพกพาสะดวก ใช้งานง่าย แต่ปัญหาที่พบบ่อยในการใช้งานโน๊ตบุ๊คก็คือ อาการโน๊ตบุ๊คแบตเตอรี่หมดเร็ว หรือแบตไม่เก็บไฟ ส่งผลให้ใช้งานได้ไม่สะดวก วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีแก้ปัญหาโน๊ตบุ๊คแบตหมดเร็ว แบตไม่เก็บไฟ สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
แนะนำสาเหตุและวิธีแก้ปัญหาโน๊ตบุ๊คแบตเตอรี่หมดเร็ว แบตไม่เก็บไฟ
การใช้งานโน๊ตบุ๊คที่แบตเตอรี่หมดเร็วมักเป็นปัญหาที่พบบ่อยขึ้นในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์พกพา ปัญหานี้อาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่ของโน๊ตบุ๊ค ดังนั้น ในบทความนี้จะกล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วและวิธีแก้ไขเบื้องต้นที่สามารถทำได้โดยผู้ใช้งานเอง
สาเหตุที่ทำให้โน๊ตบุ๊คแบตหมดเร็ว
สาเหตุที่ทำให้โน๊ตบุ๊คแบตหมดเร็วมีดังนี้
- การใช้งานโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันที่ใช้พลังงานมาก เช่น โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ โปรแกรมเล่นเกม โปรแกรมประมวลผลกราฟิก โปรแกรมทำงานหนักๆ
- การเปิดหน้าจอโน๊ตบุ๊คสว่างเกินไป
- การเปิดอุปกรณ์ไร้สายที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น Wi-Fi, Bluetooth, GPS
- อุณหภูมิของโน๊ตบุ๊คสูงเกินไป
- แบตเตอรี่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน
วิธีแก้ปัญหาโน๊ตบุ๊คแบตเตอรี่หมดเร็ว แบตไม่เก็บไฟ
วิธีแก้ปัญหาโน๊ตบุ๊คแบตเตอรี่หมดเร็ว แบตไม่เก็บไฟ มีดังนี้
- ลดความสว่างของหน้าจอ
หน้าจอเป็นอุปกรณ์ที่กินไฟมากที่สุดในโน๊ตบุ๊ค ดังนั้นการลดความสว่างของหน้าจอลงจะช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น แนะนำให้ปรับความสว่างของหน้าจอให้อยู่ในระดับที่มองเห็นได้ชัดเจน แต่ไม่ควรสว่างมากเกินไป
- ปิดแสง Backlight ของคีย์บอร์ด
แสง Backlight ของคีย์บอร์ดก็เป็นอีกอุปกรณ์ที่กินไฟไม่น้อยเช่นกัน หากไม่ได้ใช้งานคีย์บอร์ดบ่อยๆ แนะนำให้ปิดแสง Backlight ลง
- ตั้งค่าให้โน้ตบุ๊คเข้า Sleep mode
เมื่อไม่ได้ใช้งานโน๊ตบุ๊คเป็นเวลานาน แนะนำให้ตั้งค่าให้โน้ตบุ๊คเข้า Sleep mode แทนการปิดเครื่อง จะช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น
- พับจอเก็บเมื่อไม่ได้ใช้งาน
เมื่อไม่ได้ใช้งานโน๊ตบุ๊คเป็นเวลานาน แนะนำให้พับจอเก็บลง จะช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้นเช่นกัน
- ตัดการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สายที่ไม่ได้ใช้
อุปกรณ์ไร้สายต่างๆ เช่น Wi-Fi, Bluetooth, GPS ต่างก็กินไฟ ดังนั้นหากไม่ได้ใช้งานอุปกรณ์ไร้สายเหล่านี้ แนะนำให้ตัดการเชื่อมต่อทิ้ง
- ถอดอุปกรณ์เสริมที่ไม่ได้ใช้ออกไป
อุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น ลำโพงภายนอก, ฮาร์ดดิสก์ภายนอก ต่างก็กินไฟ ดังนั้นหากไม่ได้ใช้งานอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ แนะนำให้ถอดทิ้ง
- เช็คว่าโปรแกรมไหนที่ใช้แบตเตอรี่เยอะ
หากลองทำตามวิธีข้างต้นแล้ว แบตโน๊ตบุ๊คก็ยังหมดเร็วอยู่ แนะนำให้เช็คว่าโปรแกรมไหนที่ใช้แบตเตอรี่เยอะ โดยสามารถดูได้จาก Task Manager ใน Windows หรือ Activity Monitor ใน macOS
หากพบว่ามีโปรแกรมใดที่ใช้แบตเตอรี่เยอะ ให้ลองปิดโปรแกรมนั้นๆ หรือไม่ก็ลองปรับการตั้งค่าของโปรแกรมให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น
- อัปเดต BIOS และไดรเวอร์
บางครั้งปัญหาแบตโน๊ตบุ๊คหมดเร็วอาจเกิดจากปัญหาของ BIOS หรือไดรเวอร์ ดังนั้นจึงควรอัปเดต BIOS และไดรเวอร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
- เปลี่ยนแบตเตอรี่
หากลองทำตามวิธีข้างต้นแล้ว แบตโน๊ตบุ๊คก็ยังหมดเร็วอยู่ เป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่อาจเสื่อมสภาพแล้ว ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
- นำไปให้ช่างซ่อม
หากลองทำตามวิธีข้างต้นแล้ว แบตโน๊ตบุ๊คก็ยังหมดเร็วอยู่ แนะนำให้นำโน๊ตบุ๊คไปให้ช่างซ่อมตรวจเช็ค เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา
อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คทุกรุ่นมีอายุการใช้งานจำกัด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่แบตโน๊ตบุ๊คจะหมดเร็วลงตามอายุการใช้งาน หากใช้งานโน๊ตบุ๊คบ่อยๆ ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มอยู่เสมอ จะช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น
เคล็ดลับการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊ค
นอกจากวิธีแก้ปัญหาแบตโน๊ตบุ๊คหมดเร็วข้างต้นแล้ว ยังมีเคล็ดลับในการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊ค ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการใช้งานโน๊ตบุ๊คในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง เช่น กลางแดดจัด หรือในห้องที่มีเครื่องทำความร้อน
- หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% อยู่เสมอ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเตอรี่ค้างทิ้งไว้เป็นเวลานาน
ปัญหาแบตโน๊ตบุ๊คหมดเร็ว แบตไม่เก็บไฟ สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการทำตามวิธีข้างต้น หากทำตามวิธีข้างต้นแล้ว แบตโน๊ตบุ๊คยังคงหมดเร็วอยู่ แนะนำให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ หรือนำไปให้ช่างซ่อมตรวจเช็คที่ร้านซ่อมโน๊ตบุ๊คที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้